วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2552

การเมืองของไทย









































































วิเคราะห์สถานะการณ์การเมืองไทยในปัจจุบัน



กรอบในการวิเคราะห์ จะใช้ทฤษฎีระบบ ของ ฮันติงตั้น มาใช้

อินพุท ปัจจัยนำเข้า

ในปัจจุบัน ทุกองค์กร ใช้ รัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 เป็นฐานในระบบ"นิติรัฐ"

ดังนั้น เมื่อผ่านพ้นการเลือกตั้งมาแล้ว พรรคการเมืองที่ได้เข้าสู่อำนาจรัฐ จึงมี 6 พรรคการเมือง โดยมี พปช.เป็นแกนนำเพราะได้เสียงสูงสุดจึงได้ร่วมกับอีก 5 พรรคการเมืองจัดตั้งเป็นรัฐบาล โดยมี ปชป.เป็นพรรคการเมืองฝ่ายค้าน ดังนั้นในระบบนิติรัฐ รัฐบาลจึงมีความชอบธรรมที่สมบูรณ์ในการบริหารและปกครองบ้านเมืองในเวลานี้

โปรเซสซิ่ง กระบวนการบริหารและปกครอง

ในขณะที่ทั้งฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายตุลาการ ในอำนาจทั้งสาม ของระบบประชาธิปไตยได้ดำเนินการปฏิบัติไป ก็เกิดมี"ขบวนการจัดตั้ง" คือกลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งเคยจัดตั้งในสมัยรัฐบาล ทรท.มาก่อนหน้านี้แล้วครั้งหนึ่ง

มาในครั้งนี้ ก็ได้ดำเนินการคัดค้าน ต่อต้านแบบต่อเนื่อง โดยภาพรวมบ่งบอกถึงการ"แก้แค้น ต่อคุณทักษิณฯเป็นเป้าใหญ่"

โดยอ้างเหตุผลว่า รัฐบาล พปช.เป็นนอมินีหรือตัวแทนของคุณทักษิณฯ

"ข้อกล่าวหา"ที่มีต่อคุณทักษิณฯต่างๆนั้น ทั้ง คมช.และพันธมิตร หรือ ปชป.เมื่อเข้าสู่กระบวนการตุลาการแล้ว ในขณะนี้ปรากฏว่ายังไม่มีการตัดสินความผิดปรากฏชัดซักคดีเดียว โดยข้อกล่าวหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพนั้น ศาลท่านก็สั่งยกฟ้องไปแล้ว

ซึ่งผิดกับแกนนำของกลุ่มพันธมิตร คือคุณสนธิฯได้โดนข้อหาหมิ่นประมาท ในการฟ้องกลับของผู้เกี่ยวข้อง ทำให้โดนศาลพิพากษาจำคุกไปแล้ว สองสามคดี

ข้อมูลตัวนี้ในระบบนิติรัฐแล้วคุณทักษิณฯเป็นต่อในเกมส์การเมืองในปัจจุบัน

ดังนั้น"แนวร่วม"ของพันธมิตร อันได้แก่ คมช.และ ปชป.จึงต้องเคลื่อนไหว เพราะเกรงในระบบดับเบิ้ลสแตนดารด์ของตุลาการภิวัตน์ ที่จะทำให้คุณทักษิณฯหลุดพ้นคดีความในข้อกล่าวหาได้

เกมส์การเมืองช่วงนี้ จึงเป็นเกมส์แพ้ ชนะ เพื่อล้มอำนาจรัฐ โดยระบบนิติรัฐ หรือ ระบบรัฐประหาร

เพราะถ้า รัฐบาลอยู่รอด ฝ่ายพันธมิตรและแนวร่วม มีแนวโน้มที่จะเดือดร้อน อย่างน้อยแกนนำเช่นคุณสนธิฯมีสิทธิ์ติดคุกในคดีเก่าหรือใหม่ ส่วนทางด้านแนวร่วม เช่น คมช.ก็อาจถูกรื้อฟื้นคดีที่เกิดขึ้นในครั้งยึดอำนาจรัฐ โดยเฉพาะข่าวลือที่มีการเรียกเงินจากผู้ประกอบการต่างๆ และในส่วนของ ปชป.แน่นอนในผลกระทบคือการเป็นฝ่ายค้านที่ยาวนาน ทำให้สูญเสียผลประโยชน์ทับซ้อนลงไป

รัฐบาล ในฐานะที่ต้องรักษาอำนาจรัฐไว้ให้อยู่กับฝ่ายตนโดยต่อเนื่องและยาวนาน ในอันที่จะสามารถเอื้อประโยชน์ต่อการบริหารการปกครองในผลประโยชน์สาธารณะและผลประโยชน์ทับซ้อนต่างๆ จึงต้องดำเนินการอย่างสุดกำลังความสามารถ เพราะถ้าฝ่ายของตนเองเพรี่ยงพล้ำลงไป หมดสิ้นอำนาจรัฐแล้ว ก็จะถูกรัฐบาลใหม่ที่เป็นฝ่ายตรงข้าม เล่นงานในระบบนิติรัฐเช่นเดียวกัน

ในความเป็นจริงแล้ว รัฐบาลอาจใช้กลไกในการยุบสภา เข้ามาแก้ไขเหตุการณ์ ก่อนที่จะเลยไปถึงการให้ทหารเข้ามาทำการแก้ไขโดยการยึดอำนาจรัฐเหมือนครั้งก่อน ซึ่งบทเรียนในครั้งนั้น เชื่อว่ารัฐบาลต้องจำได้ดีและมีวิธีการในการแก้ไขเตรียมพร้อมไว้แล้ว

ในกรณีแบบนี้ พรรคการเมืองคือ ปชป.ที่เป็นฝ่ายค้าน จะเสียเปรียบที่สุด เพราะถ้าเกิดการยุบสภาฯแล้ว พรรคการเมืองของตนเองก็ยากที่จะฟันฝ่าเข้ามาเป็นรัฐบาลได้ หรือเกิดการรัฐประหาร พรรคการเมืองตนเองก็ยากที่จะได้อำนาจรัฐโดยเบ็ดเสร็จตามไปได้ เพราะกลุ่มผลประโยชน์ทับซ้อนของทางทหาร ก็ต้องเข้ามาดำเนินการเอง

ด้านรัฐบาล น่าจะต้องใช้เครื่องมือ กลไกรัฐทุกรูปแบบ เพื่อรักษาอำนาจรัฐเอาไว้ และรอให้คุณทักษิณฯพ้นคดี ในนามบ้านเลขที่111 ได้สิทธิ์กลับคืนลงสนามการเมืองต่อไป

ซึ่งแนวทางเดินของรัฐบาลนี้ พันธมิตรและแนวร่วม มองเห็นชัดเจน จึงต้องร่วมมือกันสะกัดกั้นจนสุดกำลัง ดังนั้นการสาดโคลนในข้อกล่าวหาต่างๆ จึงพุ่งไปที่ ทรท.เก่า และพปช.เป็นหลัก คือ แยกกันตี ทั้งเรื่องสถาบัน เรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน เรื่องการแทรกแซงองค์กรอิสสระและสื่อ และรวมถึงเรื่องคอมมิวนิสต์ ฯลฯ

ในกระบวนการต่อสู้แย่งชิงอำนาจรัฐนี้ ทุกฝ่าย คือ ทั้งรัฐบาลและพันธมิต รวมทั้งแนวร่วม ต่างใช้ทฤษฎีการบริหารงานตามสถานะการณ์ หรือ คอนติงเจนซี่แปลน ถูกนำมาใช้ในลักษณะ "วันต่อวัน" ดังนั้น"ทีมงาน"ในด้านนี้ จึงต้องพร้อมและสลับซับซ้อนยิ่งนักในเวลานี้

สงครามการเมืองไทยนี้ คล้ายสงครามโลกครั้งที่สอง ในศึกมิดเวย์ ที่กองทัพเรืออเมริกัน กับ กองทัพเรือญี่ปุ่นรบประจัญบานกันด้วยเครื่องบิน ประสิทธิภาพใกล้เคียงกัน แต่ ผลแพ้ชนะ ตัดสินกันที่"เวลา" ในการขึ้นลงเติมน้ำมัน"เท่านั้น ในขณะที่"เวลา"ญี่ปุ่นผิด เครื่องบินดันลงเติมน้ำมันอยู่ แต่เวลาของอเมริกาถูก เติมน้ำมันเสร็จแล้วกำลังขึ้นบินอยู่ ญี่ปุ่นจึงแพ้ และอเมริกา ชนะ เพราะเวลา นี้เองในการรบทฤษฎีตามสถานะการณ์

เอาท์พุท ผลลัพธ์ ผลประโยชน์ และผลประโยชน์สูงสุด

รัฐบาล มีอำนาจรัฐอยู่ในมือ ถ้าฉลาดเลือก ในการใช้เวลาที่เหมาะสม ลงมือโดยกลไกของรัฐแล้ว ซึ่งหมายถึงสามารถถอดสลักระเบิดในแต่ละลูกที่พันมิตรและแนวร่วม โยนใส่ได้ แล้วใช้เวลาที่ดีในการฉวยโอกาศเข้าโจมตี

เช่นเวลานี้ ควรโจมตีหัวขบวนพันธมิตรก่อน โดยการหาหลักฐานการปราศรัย แล้วยื่นศาลให้พิจารณาในคดีหมิ่นประมาทเก่า ศาลก็อาจถอนประกันและจับเข้าคุกไป เป็นต้น

ถ้ารัฐบาลใช้เวลาเหล่านี้ให้ดี เชื่อแน่ว่าจะสามารถ รบชนะในศึกครั้งนี้ได้ เพราะศึกครั้งที่แล้ว จีดีพี จาก 7.1 เหลือ 4.5 เงินของประเทศหายไปหลายล้านๆบาทไทย

มาครั้งนี้ ศึกรอบสองเพียงแค่เริ่ม จีดีพีที่ สศช.คาดไว้ว่าจะโต จาก 4.5 ไปถึง 5 หรือ 6 นั้น กลับถอยหลังและอยู่กับที่คือ 4.5 เหตุก็เพราะพันธมิตรและแนวร่วมนี้เองเป็นผู้ก่อขึ้น

เขากล่าวหาว่าเป็นรัฐโจร เป็นนักการเมืองโจร บริหารและปกครองบ้านเมือง รัฐบาลก็ใช้เวลานี้แหละโยนข้อหาพันธมิตรกบฏ เข้าให้บ้างจะเป็นไรไป

แล้วแปลงร่างจากราชสีห์ มาเป็นสุนัขป่า เป็นโจรตามที่เขากล่าวหา

รบแบบกองโจรนี่ ทั้งซุนวูและ เมาเซตุงเคยว่าไว้ รู้เรารู้เขา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครา เอ็งมาข้ามุด เอ็งหยุดข้าแหย่ เอ็งแย่ ข้าตี

รบได้แบบนี้ ขนาดอเมริกายังพ่ายศึกเวียตนาม โจรภาคใต้ยังยื้อกับรัฐบาลได้

การรักษาอำนาจรัฐ ไม่ได้ด้วยเลห์ ก็ต้องเอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ ก็เอาด้วยคาถา รบกับพันธมิตรและแนวร่วม ต้องใช้รูปแบบการรบแบบกองโจรในเมืองนี่แหละ

กองทหารถ้ากลายเป็นกองโจร นี่น่ากลัว รัฐบาลที่กลายเป็นกองโจร ยิ่งน่ากลัวกว่า

รบชนะแล้วอย่าลืมหลั่งน้ำตา แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งด้วย ต่อหน้าประชาชนคนไทยและบรรดามิตรประเทศทั้งหลาย


























ตัวอย่างการเมืองไทยในปัจจุบัน

วันที่ 11 ที่ผ่านมา เป็นวันเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรผู้ทรงเกียรติเข้าไปทำหน้าที่แทนปวงชนชาวไทยอีกคราหนึ่ง
ต้องยอมรับครับว่า ผมไม่ได้ไปใช้สิทธ์ แต่อย่างใด ซึ่งขัดกับหลักการของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยเป็นอย่างยิ่ง
ในเมื่อถึงเวลาที่อำนาจในระบบ ถูกคืนมาให้ประชาชนแล้ว ทำไมไม่ไปใช้อำนาจนั้น ทำไมไม่ไปใช้สิทธิ
ผมมีเหตุผล ซึ่งทำให้รู้สึกว่ามันไม่มีประโยชน์ หรือ เลือกไปก็เท่านั้น เลยไม่ออกไปใช้สิทธิ
ทำไมความรู้สึกแบบนั้นเกิดขึ้นได้กับคนไทยธรรมดาคนนึง ลองอ่านต่อไปครับ

ครั้งนี้ ที่จังหวัดบ้านเกิด คือ อ่างทอง มีสองกลุ่มหลักๆ ที่อาสาลงสมัครมาเป็นผู้แทน
ฝ่ายแรก เป็นตัวแทนจากพรรคพลังประชาชนเก่า ครั้งนี้ลงในนามพรรคการเมืองนาม พรรคเพื่อไทย เข้าใจว่าโดยปริยายว่าเป็น ผู้เล่นสีแดง
อีกฝากฝั่ง คือ พรรคชาติไทยพัฒนา หรือ พรรคชาติไทย เก่า
ทั้งสองเป็นพรรคเหล้าเก่าในขวดใหม่ หรือ บรรดาสมาชิกหน้าเดิมแต่มี logo หรือ ชื่อ brand เปลี่ยนใหม่

ครั้งนี้ ผมไม่อยากเลือกพรรคตัวแทนสีแดง ด้วยเหตุผลว่า พรรคนี้เดิมทีได้โอกาส บริหารประเทศ บ้านนี้เมืองนี้ มาได้ระยะพอสมควร
มีผู้บริหารสูงสุดของประเทศ คือ นายกรัฐมนตรี สลับกันขึ้นครองอำนาจ จากกลุ่มคนเหล่านี้ หลายท่าน อาทิ คุณลุงสมัคร กับ คุณน้า สมชาย
ที่ซึ่งเป็นคนใต้โดยกำเนิด แต่กลับไปได้ดิบได้ดี จากทางภาคเหนือของประเทศ โดยส่วนตัวแล้วมองว่าที่ผ่านมายังไม่มีอะไรเป็นน้ำเป็นเนื้อให้กับประเทศนี้ จาก
กลุ่มคนกลุ่มนี้ นอกจากความพยายามที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างยิ่งยวด เศรษฐกิจจะทดถอยอย่างไรมีความสำคัญเป็นอันดับรอง ความรุนแรง
ในประเทศจะเป็นเยี่ยงไร มีความสำคัญเป็นลำดับรองๆ ลงมา ก็เลยคิดว่า น่าจะให้อีกฝ่าย ฝ่ายค้านเดิม หรือ ฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำ
จัดตั้งรัฐบาลให้ เค้าลองดูบ้าง ในอดีตผมไม่เคยเลือกพรรคนี้ เนื่องจากไม่เคยเห็นอะไรๆ เป็นรูปธรรมเช่นกัน นอกจากได้ยินข่าวคราวการ คอรัปชั่นเ
อยู่เนืองๆ แต่ครั้งนี้ เห็นว่าหน้าจะให้เค้าเหล่านั้นได้ลองสักครั้ง ได้แสดงดูบ้าง ไม่ดีอย่างไรค่อยว่ากัน

ส่วนตัวแทนจากชาติไทยพัฒนานั้น คนโดยมากในจังหวัดนี้ เห็นดีเห็นงาม ยอมรับ และเทคะแนนให้ จนได้รับเลือกมาเป็น สส ผู้ทรงเกียรติ ได้รับ
เลือกเป็น ผู้แทนประชา ราษฏ์ เพื่อไปเป็นปากเสียง แก้ไขปัญหาของคนอ่างทองครั้งแล้วครั้งเล่า ที่ผมไม่เลือกพรรคนี้ด้วยเช่นกัน ก็เพราะว่า ส่วนตัวแล้วคิดว่า
ไม่แปลกครับในครั้งนี้ที่พ่อ แม่ จะรักลูก อยากเห็นลูกได้ดิบ ได้ดี ผลักดันจนได้ดีจริงๆ จนได้เป็น สส เป็นผู้แทน แทน สส เก่าเดิมผู้เป็นพ่อ ที่ถูก แบนไปทางการเมือง

สส หนุ่มท่านนี้ ผมจำชื่อไม่ได้ แต่พอรู้ว่าจบการศึกษาดี ถ้าไม่ผิดน่าจะเป็นเมืองนอก เมืองนา อย่างที่ใครๆ ชมชอบ และ สส ท่านนี้ มีอายุอานามราวชายไทย วัยเบญจเพศ ทั่วไปครับ มีความอ่อนน้อม ถ่อมตน
ลูกไม่หล่นไม่ไกลต้น น่าเอ็นดูครับ ติดเพียงที่ว่า โดยส่วนตัว
ผมไม่แน่ใจครับว่า เวทีนี้ เป็นเวทีของผู้ที่มีวัยวุฒิ มีคุณวุฒิ และมีประสบการณ์ หรือ เป็นเวที่สำหรับการฝึกงานกันแน่
ไม่แน่ใจครับว่า สภาอันศักสิทธ์ เป็นสถานที่บรรดา สส สว ทั้งหลาย พาเรด กันเข้าไปทำงานเพื่อประเทศ หรือ เป็น สถานที่ฝีกงาน หรืออย่างไร
เท่าที่ผ่านมา ผมไม่เห็นนะครับว่า ปัญหาที่มีอยู่ในพื้่นที่ จะหมดไป น้ำเคยท่วมอย่างไร ก็ท่วมไปอย่างนั้น หน้าแล้งเคยแล้งอย่างไรก็แล้งไปเท่าเดิม คนจน ราคาพืชผล
เป็นอย่างไร ก็อยู่กันแบบนั้น แบบที่เรียกว่า เดิมๆ รับสภาพกันไป มีความความเจริญครับ แต่กระจุกอยู่กับคนส่วนน้อย ความมั่งคั่งไม่กระจายไปไหนต่อไหน

ปัจจุบันตอนเขียน blog นี้ อ่างทอง มีผู้แทน สองพี่น้อง วัยไล่เลี่ยกัน รับอาสา แก้ปัญหาประชาชน ปวงชน ชาวอ่างทองครับ
เท่าที่กล่าวมาทั้งหมดเป็น เหตุผล เป็นตัวอย่างทางการเมืองแบบไทยๆ ของเรา ที่ทำให้ผมรู้สึก อยากละเลยกับหน้าที่อันควร ตามระบอบ





































สถานการณ์การเมืองไทยในปัจจุบัน ตอนที่ 1 สวัสดีครับเพื่อนๆในเวปบอร์ดแห่ง Mthai อันที่จริงแล้วผมเองก็ได้ติดตามข่าวการเมืองจากหลายๆสื่อมานานพอสมควรครับ สิ่งที่ผมจะนำเสนอนี้อาจจะไม่ถูกใจใครก็ได้ แต่ว่ามันเป็นความคิดของผม ณ ปัจจุบัน ถ้าใครคิดเห็นอย่างไรช่วยแสดงความคิดเห็นด้วยวาจาสุภาพและมีการศึกษาด้วยนะครับว่ากันเรื่องระบบคุณทักษิณที่ผ่านมาผมเห็นว่าคุณทักษิณทำผลงานให้กับประชาชนตามที่ได้ตั้งนโยบายไว้เกือบทุกประการ อันจะเห็นได้จากผลงานด้านยาเสพติด การปราบปรามผู้มีอิทธิพล การยกหวยใต้ดินมาไว้บนดิน การเร่งพัฒนาเศรษฐกิจ ด้วยการขายกิจการและแปรรูป ปตท จนหนี้สินIMF หมดลง นโยบาย30บาทรักษาทุกโรค กองทุนหมู่บ้านละ1ล้านบาท ฯลฯซึ่งแต่ละนโนบายได้ทำออกมาเป็นรูปธรรมและแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลชุดนี้มีผลงานอย่างต่อเนื่องแต่ว่านโยบายทั้งหมดนี้มันไม่มีความแน่นอนอยุ่หลายอันดังจะเห็นได้จาก30บาทรักษาทุกโรคในตอนแรกๆใช้ได้เกือบทุกโรงพยาบาล ผมคิดว่าคงมีความน่าสนใจไม่น้อยทำให้โรงบาลชั้นนำยอมเข้าร่วมตาม....แต่จะเห็นได้ในปัจจุบันว่า ใช้ได้กับแค่ไม่กี่โรงพยาบาล หากแต่ทั้งบางครั้งใช้กับสาธารณสุขใกล้บ้านยังแทบจะไม่รับแล้ว ซึ่งคาดว่าเป็นผลมาจากการที่สถานพยาบาลต่างๆไม่สามารถรองรับค่าใช้จ่ายเบื้องต้นได้ถัดมาคือการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ปตท ซึ่งเป็นโครงการใหญ่ที่รัฐบาลได้รับผลประโยชน์หลายอย่าง แต่เสียประโยชน์หลายอย่างเช่นกัน ซึ่งกล่าวกันว่าในตอนแรกรัฐบาลมีหุ้นอยุ่ 75% ปัจจุบันเหลือเพียง 52% อันเนื่องมาจากการขาดทุน (จำนวนเหล่านี้ข้อมูลมาจากตลาดหุ้น ณ วันที่ 24 ธ.ค.48) ซึ่งคาดว่าในอนาคตอันใกล้อาจจะเหลือเพียง 40% และกลายเป็นของเอกชนไปในที่สุดการปราบปรามด้านยาเสพติดที่มีผลงานค่อนข้างชัดเจน แต่ก็ชัดเจนเฉพาะในช่วงที่รัฐบาลต้องการทำหากแต่ปัจจุบัน เฉพาะที่เชียงใหม่บริเวณตลาดธานินทร์ก็ยังมีการเสพยา โดยจ่ายส่วยผ่านกองกำลังผาเมืองและตำรวจ โดยที่ไม่มีการจับกุมแต่อย่างใด ซึ่งแสดงให้เห็นว่าหากรัฐบาลจะปราบปรามก็ทำได้ แต่จะทำได้เฉพาะช่วงที่ต้องการแสดงอำนาจ ถ้าไม่อยากแสดงก็จะกลับมาเหมือนเดิม3 นโยบายที่กล่าวมาข้างต้นเป็นนโยบายที่มีผลงานค่อนข้างชัดเจนกับคนทั้งประเทศ แต่ว่าเป็นเพียงนโยบายเอาหน้าก่อนการเลือกตั้ง 1 ปีซึ่งทำให้การเลือกตั้งครั้งถัดมาทำให้ได้รับเสียงตอบรับจากประชาชนรากหญ้าอย่างมากมาย เพราะประชาชนชอบผู้นำที่มีผลงานชัดเจนแต่ไม่ได้ดูความต่อเนื่องของผลงาน อีกทั้งประชาชนชาวรากหญ้าซึ่งก้อคือ เกษตรกร ชาวสวน ชาวไร่ พวกเขามีความคิดแค่การทำเกษตรกรรมเพื่อดูแลคนในครอบครัว พวกเขาไม่มีเวลามาคิดหรอกว่า วันพรุ่งนี้ทักษิณจะปฏิรูปการเมืองและเศรษฐกิจไปทางไหน ทักษิณจะแก้กฏหมายเอื้อประโยชน์แก่ธุรกิจอย่างไร และไม่มีเวลามานั่งดูทีวีเปิดอินเตอร์เนตติดตามข่าวในกระทู้ต่างๆ ไม่มีเวลาแจ้งสื่อขอแถลงข่าวการโกงกินของบ้านเมือง พวกเขามีหน้าที่ ที่ต้องทำงานปลูกผัก ทำนา ดูแลพืชไร่ เลี้ยงสัตว์ ฯลฯ เพื่อจะมีเงินไว้ใช้ในวันถัดไป และส่งลูกเรียน ซึ่งในที่นี้ต้องการจะบอกว่า การกระจายเม็ดเงินเล็กๆน้อยๆของรัฐบาล(เช่นการลงทุนกู้ยืมหมู่บ้านละ1ล้านบาท)+การลงพื้นที่เข้าไปดูแลประชาชน(เช่นการลงทะเบียนคนจน) เป็นเพียงการแสดงออกถึงน้ำใจที่เล็กน้อยสำหรับนักวิชาการ แต่มันมากมายสำหรับพวกเขาซึ่งไม่เคยมีใครทำมาก่อน ซึ่งทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศที่เป็นเกษตรกรเลือกคุณทักษิณมาทำหน้าที่ดูแลประเทศ ที่สำคัญคือจำนวนประชาชนในภาคเหนือและภาคอีสานมีจำนวนมากกว่าภาคใต้มาก ดังนั้นฐานเสียงหรือหัวคะแนนในพื้นที่จึงมีมากกว่าแน่นอนการรวบรวมพรรคการเมืองเล็กจนถึงกลางกลางที่มีฐานเสียงในแต่ละเขตมาอยุ่ในพรรคไทยรักไทย ทำให้พรรคไทยรักไทยได้เปรียบด้านจำนวน ส.ส. และ ประชาชน เพราะคนส่วนมากเลือก ส.ส. มาจากผลงานในพื้นที่ ไม่ได้เลือกมาจากนายกฯรัฐมนตรีโดยตรง ส.ส. ในพื้นที่จึงมีหัวคะแนนและชักจูงให้คนมาเลือกตนเองได้ง่ายกว่า และด้วยอำนาจเงินตรามหาศาล แต่เป็นเพียงเศษเล็กๆของพรรคไทยรักไทยจึงจูงใจให้ ส.ส. หลายคนยอมสละบัลลังค์เก่า เข้าสู่บัลลังค์ใหม่ซึ่งมีผลประโยชน์กับตนมากมายกว่า...ดังจะเห็นได้จากเงินบริจาคเข้าสู่พรรคและการจัดตั้งการหาเสียงตามที่ต่างๆ พรรคไทยรักไทยสามารถเช่าสนามกีฬาใหญ่ๆ 1 สนาม เพื่อจุคนมาฟังนโยบายได้อย่างสบายๆ แต่พรรคเล็กๆไร้ชื่อเช่น พรรคเกษตรกร***(ขอสงวนนาม) แค่เวทีเล็กๆมาหาเสียงก็ลำบากแล้วเพราะไม่มีเงินทุนในการจัดตั้งการหาเสียง ดังนั้นการเข้ารวมของ สส จากพรรคต่างๆจึงมีความมั่นคงกว่าการอยุ่โดดๆในพรรคที่เล็กกว่า และทำให้พรรคไทยรักไทยสามารถกวาดคะแนนเสียงไปถึง 300 กว่าที่นั่งสิ่งที่ฉลาดกว่านั้นในการหาเสียงคือการชักจูงคนผ่านสื่อต่างๆ เช่นพ่อค้า แม่ค้า แท็กซี่ ซึ่งบุคคลเหล่านี้จะต้องมีการสื่อสารและเห็นเครือญาติพวกพ้องมีความสำคัญ เมื่อคนๆหนึ่งที่เป็นสมาชิกของสังคมนี้บอกกับอีกคนหนึ่งกว่า เลือกพรรคนี้นะดีอย่างนี้แบบนี้ คนที่ฟังก้อจะเชื่อและ กระจายความคิดนี้จากคนสู่คน จากปากสู่ปากเหมือนกับไฟลามทุ่งนั่นละ ดี1คนก้อเหมือนดี5คน ดังนั้น การหาเสียงจากสื่อนี้สามารถทำให้พรรคไทยรักไทยได้รับคะแนนเสียงมากกว่าเพราะเป็นการเล่าปากต่อปากเมื่อผ่านไป 1 ปีกับการเลือกตั้งครั้งที่ 2 ความผิดที่ชัดเจนเริ่มปรากฏขึ้นเป็นรูปธรรม แต่เป็นความผิดที่ไม่สามารถเรียกว่า"เนียน"ได้ ต้องเรียกว่า"ด้าน" เห็นได้จากการขายหุ้นในเครือชินคอปเปอเรชั่นซึ่งถ้าเป็นคนที่มีจริยธรรมโดยปกติทั่วไปหรือเป็นคุณ ถ้าคุณได้กำไรมหาศาลจากการทำธุรกิจ การบริจาคเงินคุณจะทำไหม? คุณเป็นศาสนาพุทธพระพุทธสอนเราเสมอว่าจงทำตัวเสียสละแก่พวกพ้องมีเมตตากรุณาแต่คุณมีเงิน 7หมื่นกว่าล้าน ผมว่าเงินแค่ 1.5หมื่นล้านที่จะตอบแทนเข้าสู่สังคมเพื่อพัฒนาประเทศ จะมีประโยชน์มากกว่าคุณเอาไปลงทุนให้เงินมันงอกเงยขึ้นมาอีกซึ่งกำไร 7หมื่นล้านนี้คุณแบ่งกันใช้ในครอบครัววันละ 5 ล้านใช้ไปอีก 40ปียังไม่หมด แต่สังคมไทยมีคนหาเช้ากินค่ำ ทำงานเพื่อจะได้มีเงินใช้มีรถมอเจอร์ไซด์และมีบ้านเล็กๆอยุ่กับครอบครัวอีกมากมาย คุณไม่เคยนึกถึง คุณอ้างแต่ว่า ผมทำตามระบบประชาธิปไตยที่หุ้นมีความเสี่ยงสูงถึงไม่ต้องเสียภาษีทเวลาขายในตลาดหลักทรัพย์ ผมไม่ว่าที่คุณทำถูกกฏหมาย แต่คุณทำผิดกฏจริยธรรมความเป็นคน ที่ต้องรู้จักแบ่งปันความเท่าเทียมกันในสังคมบ้าง ไม่ใช่มีความคิดทุนนิยมอย่างเดียว เพื่อเงินของตัวเราเอง ที่นี่เมืองไทยครับ ศาสนาพุทธ ทำอะไรต้องอยุ่ใน จารีต ประเพณี และหลักในศาสนา เพื่อจะได้ไม่ถูกผู้คนรุมประชาทัณฑ์ ซึ่งคุณทักษิณได้เป็นกรณีตัวอย่างแล้วการขายหุ้นไม่ได้มีผลกระทบเศรษฐกิจของประเทศอย่างเดียว แต่ยังมีผลต่อความมั่นคงของชาติที่อาจโดนต่างชาติเข้ามาครอบงำ ซึ่งในอนาคตคุณอาจจะเห็นไอทีวีปรับปรุงเป็นแหล่งประชาสัมพันธ์ธุรกิจจากประเทศสิงคโปร์ ในตอนนี้อาจจะไม่แต่ในอนาคตเราเองก้อไม่สามารถบอกได้ว่าจะเป็นอย่างไร เพราะปัจจุบันนี้สิงคโปร์กำลังจะดำเนินการกับไอทีวีแน่นอนการเกิดเหตุการณ์ที่นักวิชาการ และ ปัจเจกบุคคลจำนวนมากออกมาเรียกร้องให้คุณทักษิณลาออกจากตำแหน่งทางการเมืองเนื่องจากปัจจุบันพวกเขาทราบดีกว่า คุณทักษิณใช้ความได้เปรียบทางการเมือง เข้าต่อสู้กับปัญหา ซึ่งใครๆก้อทราบอยุ่แล้วว่า คุณทักษิณมีฐานเสียงจากส.ส.มากมาย การเลือกตั้งสมัยหน้า(วันที่ 2เมษายนนี้)คะแนนจะไม่มีทางเปลี่ยนแปลงแน่นอน มิหนำซ้ำการเปลี่ยนแปลงอาจจะเกิดขึ้นมากอีก โดยที่คนไทยคาดไม่ถึงเช่น ส.ส.พรรคไทยรักไทยได้รับการเลือกตั้งแบบเบ็ดเสร็จ 480เสียง+ โดยที่ถึงเวลานั้นมาประเทศชาติจะไม่มีอะไรเหลืออยุ่ การคงเหลืออยุ่ของการประปา และ การไฟฟ้าในปัจจุบันอันเนื่องมาจาก ในหลวงของเราทรงห่วงใยประชาชนคนไทยโดยการแสดงพระราชดำรัสขอร้องนายกฯรัฐมนตรีและคณะ ทุกคนว่าขอให้เหลือ น้ำและไฟฟ้า ไว้ให้ประชาชนได้ใช้ เพื่อลูกหลานของเรา แต่กลับมีบุคคล คนหนึ่งต้องการขายโดยอ้างเหตุผลว่า ประเทศชาติจะได้เจริญทางเศรษฐกิจ(เจริญแน่นอน รับรองว่าค่าไฟฟ้าจะปรับสูงขึ้นอีก 3 เท่าเหมือนกรณีของอาเจนติน่า) และทุกอย่างยังเหมือนเดิม แค่คนไทยได้เป็นเจ้าของอีก 25% และ 75%รัฐเป็นคนดำเนินนโยบาย ประชาชนส่วนใหญ่อาจไม่ทราบว่า หากรัฐบาลได้ขายการไฟฟ้าแล้ว เงินลงทุนจากหุ้น25%ของประชาชนจะถูกนำมาบริหารโดย75%ของรัฐบาลและได้รับเงินปันผลตามกำไรที่การไฟฟ้าทำได้ หากแต่จะรุ้ไหมว่า75%นั้นรัฐบาลเป็นคนบริหารหากไปไม่รอดมีหนี้สิน รัฐบาลจะเป็นคนรับผิดชอบ ซึ่งคุณทราบไหมว่า หากรัฐบาลบริหารงานผิดพลาดมีหนี้มากกว่ารายได้ก้อสามารถ ขายหุ้น75%ให้กับใครก็ได้ซึ่งหมายความว่า คนที่มาซื้อจะได้เป็นเจ้าของแทน และการไฟฟ้าก้อจะถูกขายอย่างเสร็จสมบูรณ์โดยที่คนที่ไม่รุ้พระราชกฤษฎีกาทราบมาก่อนเลยเมื่อการไฟฟ้าและสื่อสารถูกขายแล้ว รายต่อไปคือการประปาแน่นอน ซึ่งทราบได้เลยว่าสุดท้ายประเทศไทยจะไม่มีอะไรเหลือ นอกจากคำว่า"ยากจน" เพราะเงินที่เป็นกำไรจำนวนมากจะไหลออกจากประเทศทั้งหมด คุณไม่คิดบ้างหรือว่าทำไมทักษิณไม่ขายการไฟฟ้าโดยที่กำหนดสัญญาว่าคนไทยเป็นเจ้าของหุ้นและทรัพย์แต่เพียงผู้เดียว เพราะเค้าได้คำนวณว่าจะมี นอมินีจากต่างชาติมากวาดซื้อหุ้นให้เรียบร้อย ****นอมินีคือบริษัทที่จดทะเบียนในไทยได้สัญชาติไทย แต่เงินลงทุนจากต่างประเทศ *** กล่าวง่ายๆคือให้ต่างชาติเอาเงินมาซื้อ และโดยมากนอมินีไม่ใช่ใครที่ไหน มันก้อคือบุคคลพันธมิตรของชินคอร์ปทั้งหลายนั่นเองซึ่งสุดท้าย กิจการทุกอย่างจะถูกต่างชาติเป็นเจ้าของทั้งหมด แต่ถูกบริหารงานโดยคนไทย เหมือนรัฐบาลหุ่นนั่นแหละครับ บริหารงานเก่งมากมาย แต่ได้กำไรมาก้อเข้ากระเป๋าเจ้าของเงินครับ ไม่ได้เข้ากระเป๋าคนบริหารเลยการเลือกตั้งครั้งต่อไปคาดว่าต้องมีการออกมาเรียกร้องมากกว่านี้ และต้องยุบสภาครั้งที่ 2 หรือไม่อาจเกิดเหตุจลาจลขึ้นแบบ 16ตุลาคมซึ่งเป็นผลมาจากการกุมอำนาจเบ็ดเสร็จของไทยรักไทย และไม่มีใครมาคานอำนาจไว้ เนื่องจากเกรงใจอำนาจเงินของคุณทักษิณ ทั้งฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ จะถูกรวมใหม่เป็น ฝ่ายภายใต้การควบคุมของทักษิณแบบเบ็ดเสร็จ คุณจะไม่สามารถโต้แย้งอะไรได้ทั้งสิ้น และรับรองจะมีม๊อบก่อจลาจลเพื่อขับไล่คุณทักษิณออก และเหตุการณ์จะบานปลายมากกว่านี้มากคุณทราบหรือไม่ว่าชาวต่างชาติจะเดินทางเข้าออกประเทศไหน เค้าจะดูจากความมั่นคงทางการเมืองของชาตินั้นเป็นหลัก ถ้ามีความมั่นคงและเสถียรภาพมาก ประชาชนก็จะยิ่งมีคุณภาพมาก เพราะแสดงให้เห็นว่ามีการบริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพแต่ถ้ามีการเลือกตั้งบ่อยๆ เกิดการยุบสภาชาวต่างชาติจะไม่กล้าท่องเที่ยวหรือลงทุนเลย เช่นรัฐบาลนี้ให้กำไรการค้าขายนี้10%และพอยุบสภารัฐบาลใหม่ให้เพียง 1% เป็นคุณ คุณจะมาลงทุนหรือ ทำให้เกิดการเสียรายได้มากมาย และทำให้เศรษฐกิจของประเทศนั้นแย่ลง เช่น ประเทศไทยในปัจจุบันตั้งแต่ช่วงยุบสภาที่ผ่านมา ตลดาไนท์บาร์ซ่าที่เชียงใหม่มีนักท่องเที่ยวน้อยลงมาก ขาดรายได้มหาศาลอันเนื่องมากจากความกังวลของสถานะทางการเมืองของนักท่องเที่ยว ไม่เชื่อคุณสามารถมาดูได้ครับส่วนการออกมาเรียกร้องของคุณสนธิ และกลุ่มพันธมิตรผมเห็นว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่สิ่งที่ไม่ควรกระทำอย่างยิ่งคือการปลุกปั่นและระดมความคิดว่าคุณทักษิณขายชาติ เพราะมันสร้างความแตกแยกให้กับประชาชนออกเป็นหลายฝ่าย ทำให้เกิดความแตกแยกในบ้านเมือง ทำให้คนเข้าใจผิด การเรียกร้องอำนาจประชาธิปไตยคุณสามารถทำได้โดยการรวมตัวเรียกร้องอย่างสงบ ไม่ใช่ออกมาจัดรายการต่างๆ แล้วกล่าวหาเรื่องราวมากมาย ซึ่งมันไม่ใช่การเรียกร้องแล้ว เค้าเรียกว่าการยุยงให้คนหลงเชื่อ และเกิดความคิดแตกแยก อีกทั้งพรรคประธิปปัตย์เคยลงเป็นรัฐบาลมาแล้วหลายครั้งแต่ไม่เคยมีผลงานเป็นรูปธรรมมีแต่ "เรื่องนี้ผมยังไม่ได้รับรายงานเลย" ผมได้ยินคำนี้จากคุณชวนบ่อยมาก ทำให้พรรคประชาธิปปัตย์ไม่ค่อยมีความน่าเชื่อ ถึงแม้จะมีฐานเสียงทางภาคใต้มากกว่าพรรคไหนๆก็ตามทั้งหมดผมยังไม่สามารถสรุปอะไรได้ในตอนนี้ว่าแต่ละคนเป็นอย่างไร เพราะแต่ละคนในวงการเมืองไม่มีความน่าเชื่อถือเลย ทั้งคุณจำลอง คุณสนธิ และ 3พรรคฝ่ายค้าน แต่ละคนจ้องจะล้มรัฐบาลเพื่อผลประโยชน์แก่ตนเองทั้งสิ้น ดังนั้นผมจึงอยากขอให้ทุกคน ถ้าคุณจะไปเลือกตั้งคุณควรศึกษาเรื่องการเมืองอย่างชัดเจน อย่าถูกชักจูงหรือ เลือกเพราะไม่รุ้จะเลือกใครดี ปัญหาการเมืองมีทางออกเสมอผมคิดว่าถ้าใครไม่อยากเลือกควรไปกา งดออกเสียงให้มากที่สุด แล้วมาวัดกันว่า งดออกเสียงกับ ไทยรักไทย ใครจะมากกว่ากัน และประชาธิปไตยจะดำเนินการจัดสรรคนที่เหมาสมกับการทำงานเอง เชื่อผมว่าในอนาคตต้องมีคนที่เหมาะสมกับการบริหารงานประเทศไทยต่อไปแน่นอน....













ในท่ามกลางการต่อสู้ทางการเมืองระยะนี้ แม้ว่าด้านหนึ่งจะเป็นการต่อสู้เพื่อช่วงชิงอำนาจและผลประโยชน์ทางการเมือง แต่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่ามีการต่อสู้ในเชิงอุดมการณ์ทางการเมืองด้วยเช่นเดียวกัน อุดมการณ์ที่ต่อสู้ช่วงชิงในสนามการเมืองมี 5 อุดมการณ์หลักคือ1) อนุรักษ์นิยมใหม่(Neo-Conservative) มีความเชื่อว่า โลกาภิวัฒน์นำมาซึ่งความมั่งคั่ง กำแพงภาษีระหว่างประเทศควรถูกกำจัด เปิดโอกาสให้ทุนไหวเวียนอย่างเสรี และหลักคิดการบริหารธุรกิจภาคเอกชนเท่านั้นที่มีประสิทธิภาพ กลุ่มการเมืองที่มีอุดมการณ์แบบนี้คือกลุ่มทุนใหม่ซึ่งมีทุนโทรคมนาคมเป็นแกนนำ พรรคการเมืองที่กลุ่มผู้บริหารพรรคมีอุดมการณ์นี้คือ อดีตพรรคไทยรักไทย ซึ่งกลายสภาพเป็นพรรคพลังประชาชนในเดือนสิงหาคม 2550 อย่างไรก็ตามบุคคลที่มีอุดมการณ์เช่นนี้แทรกซึมอยู่แทบทุกพรรคการเมือง แม้ว่าจะมีระดับความมากน้อยและความเข้มข้นในเชิงอุดมการณ์แตกต่างกันบ้าง
2)อุดมการณ์อุปถัมภ์นิยม (Clientelism) เป็นอุดมการณ์หลักที่ครอบงำสังคมการเมืองไทยมาอย่างยาวนาน ในระยะหลังความเข้มข้นของอุดมการณ์นี้ลดลงในกลุ่มชนชั้นกลาง แต่ยังคงมีความเข้มข้นในกลุ่มชนชั้นชาวบ้านและชนชั้นนำทางการเมือง ชนชั้นนำทางการเมืองทั้งระดับชาติและท้องถิ่น อาศัยอุดมการณ์อุปถัมภ์เป็นกลไกในการสร้างเครือข่ายหัวคะแนนและจัดตั้งมวลชนในชนบทให ้มาสนับสนุนตนเองเมื่อเกิดกรณีการต่อสู้ทางการเมืองทั้งในเรื่องการเลือกตั้ง และการชุมนุมประท้วง อุดมการณ์นี้แทรกซึมอยู่ทุกพรรคการเมือง ทั้งพรรคใหญ่บ้าง พรรคเล็กบ้าง แต่จะมีมากในพรรคที่ถูกจัดตั้งโดยกลุ่มอดีต ส.ส.ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
3)อุดมการณ์อนุรักษ์นิยมดั้งเดิม(Traditional Conservative) เชื่อในเรื่อง การรักษาสถานภาพเดิมของสังคม เชิดชูความมั่นคงสถาบันหลักของสังคม กลุ่มที่ดำรงอุดมการณ์แบบนี้คือ กลุ่มทุนเก่า เช่น ทุนการเงิน และอุตสาหกรรมหนักบางประเภท กลุ่มข้าราชการส่วนใหญ่ บางครั้งกลุ่มนี้ได้รับการเรียกว่า เป็นกลุ่มอำมาตยาธิปไตย กลุ่มนี้มีบทบาทในการกำหนดนโยบายชี้นำสังคมไทยมายาวนาน แต่บทบาทเริ่มลดลงเมื่อมีการปฏิรูปการเมืองในปี 2540 และในเวลาต่อมาได้ถูกสั่นคลอนอย่างหนักจากระบอบทักษิณซึ่งนำพาอุดมการณ์อนุรักษ์นิยม ใหม่เข้ามาจัดการภายในระบบราชการ พรรคการเมืองที่มีแนวโน้มยึดถือในอุดมการณ์นี้คือ พรรคชาติไทย และพรรคประชาราช เป็นต้น
4)อุดมการณ์เสรีนิยมประชาธิปไตย(Liberal Democracy) มีความเชื่อพื้นฐานว่า เสรีภาพและความเป็นปัจเจกบุคคลเป็นสิ่งที่มีคุณค่าของมนุษย์ กลุ่มที่มีแนวคิดเช่นนี้คือกลุ่มชนชั้นกลางซึ่งประกอบด้วยพ่อค้า นักธุรกิจรายย่อย ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจระดับกลาง พนักงานเอกชนระดับกลาง และผู้ประกอบอาชีพอิสระทั้งหลาย กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีการเติบโตเพิ่มมากขึ้นภายหลังปี 2540 และขยายตัวจนกลายเป็นพลังในการต่อต้านระบอบทักษิณ พรรคการเมืองที่อาจถือได้ว่าเป็นตัวแทนของกลุ่มอุดมการณ์นี้ คือพรรคประชาธิปัตย์
5) อุดมการณ์การประชาสังคมประชาธิปไตย(Civil Society Democracy) มีความเชื่อว่า การมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนในทุกระดับเป็นสิ่งที่มีคุณค่าสำหรับสังคม กลุ่มที่นำอุดมการณ์นี้ไปปฏิบัติการทางการเมืองคือ กลุ่มองค์การพัฒนาเอกชน นักวิชาการ และนักการเมืองบางกลุ่ม กลุ่มนี้มีความมุ่งหมายที่จะผลักดันให้สังคมเป็นสังคมแห่งการมีส่วนร่วม โดยให้ประชาชนสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และสิ่งแวดล้อม ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับชาติ รวมทั้งส่งเสริมให้ประชาชนพึ่งตนเอง และสามารถบริหารจัดการชุมชนด้วยตนเองได้ ปัจจุบันยังไม่มีพรรคการเมืองใดที่ใช้อุดมการณ์นี้ไปปฏิบัติการทางการเมือง
อนาคตการเมืองไทยในท่ามกลางความขัดแย้ง
จากสภาพการที่เป็นจริงทางสังคมการเมืองดังที่ได้วิเคราะห์มาข้างต้น สามารถสรุปแนวโน้มการเมืองไทยในอนาคตได้ดังนี้
1)การต่อสู้ทางการเมืองมีความเข้มข้นขึ้น ปริมาณกลุ่มและสถาบันของสังคมจะเข้าสู่สนามการต่อสู้ทางการเมืองมากขึ้น และเกิดขึ้นในทุกระดับทั้งระดับท้องถิ่นและระดับชาติ
2)การเสื่อมศรัทธาต่อสถาบัน ทั้งสถาบันทางการเมือง สถาบันการบริหาร สถาบันองค์การตรวจสอบอิสระ สถาบันทางสังคม การเสื่อมศรัทธาต่อสถาบันเหล่านี้เกิดมาจากในระยะสี่ถึงห้าปีที่ผ่านมา สถาบันเหล่านี้โดยเฉพาะสถาบันทางการเมือง บริหาร และองค์กรอิสระได้ถูกแทรกแซงและทำลายความเที่ยงธรรมโดยระบอบทักษิณ การรื้อฟื้นศรัทธาขึ้นมาอีกครั้งจึงเป็นภาระที่หนักหน่วงของบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่ง ในขณะนี้และในระยะต่อไป
สถาบันทางสังคม โดยเฉพาะสถาบันทางศาสนาซึ่งได้ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อให้มีการบรรจุประโยค “ให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติไทย” ลงในรัฐธรรมนูญ วิธีการเคลื่อนไหวเรียกร้องของคณะสงฆ์กลุ่มหนึ่งได้สร้างภาพลักษณ์เชิงลบเกิดขึ้นแก่ สาธารณชน เพราะมีการกระทำทางสังคมหลายประการของสงฆ์บางส่วนที่สังคมชาวพุทธไม่อาจยอมรับได้
สถาบันที่ประชาชนให้ความเชื่อถือสูงอยู่บ้างก็คือ สถาบันตุลาการซึ่งกลายเป็นเสาหลักในการค้ำยันวิกฤติของสังคมไทยในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามก็ยังมีข่าวที่อาจมีการสร้างความเสื่อมเสียแก่สถาบันนี้อยู่บ้าง ด้วยการกระทำของบุคคลบางในสถาบันที่เกี่ยวข้องกับคดียุบพรรคการเมือง













ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น